วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

เล่าสู่กันฟัง - การประกาศ (จากความทรงจำ)

จะขอเล่าชีวิตในหนหลังเพื่อท่่านทั้งหลายจะได้รู้จักผม ด้านการประกาศสมัยเมื่อเชื่อแรกๆในโบสถ์เดิม ด้านการอภิบาลดูแลคนเมื่อเข้ามาอยู่ในคจ.ความหวังยุคแรกๆ ด้านการบุกเบิกก่อตั้งเมื่ออยู่ในคจ.ในยุคต่อมา ด้านพระวจนะในยุคถัดมาตอนท้าย ซึีงมีเพียงการเผยพระวจนะที่เป็นแบบผู้เผยฯที่ผมไม่มี แต่ไม่แน่พระเจ้าอาจก่อร่างสร้างขึ้นในผมก็เป็นได้ในอนาคต

แรกเริ่มเดิมทีเลยเมื่อมาเชื่อพระเจ้า พระเจ้าใช้บางคนมาสื่อสารพยากรณ์ว่าให้ออกไปประกาศกับคนไทย ดังนั้นในงานรับใช้แรกๆคือการออกไปเป็นผู้ประกาศตามจังหวัดต่างๆในไทย ในขณะนั้นข้าพเจ้าอยู่ในคณะพสท.(คณะพระกิตติคุณสมบูรณ์สัมพันธ์แห่งประเทศไทย) และคณะนี้ได้ก่อตั้งทีมประกาศขึ้นมาทีมหนึ่ง โดยมีพาหนะเป็นรถตู้เคลื่อนไปตามสถานที่ต่างๆในประเทศไทย มี 4 ชีวิตเป็นผู้ร่วมขบวนในรถคันนี้ สองท่านเป็นอาจารย์ในคณะพสท. ซึ่งหนึ่งในสองท่านนี้นั้นได้แก่ อ.สมาน วรรณเกียรติ ผู้รับใช้พระเจ้าที่พระเจ้าใช้อย่างมากในการประกาศในประเทศไทย ตัวผมทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถ และจัดเตรียมงานประกาศ ร่วมทั้งได้มีส่วนร่วมเทศนาประกาศด้วยในบางสถานที่ ชีวิตทางด้านการประกาศ ก็ได้เรียนรู้มาจากอ.สมานนี่แหละครับ เรียนรู้ด้านความเชื่อ เรียนรู้ด้านการวางมือรักษาคนเจ็บป่วย เรียนรู้ด้านความห่วงใยคนไทยที่ยังไม่ได้รับความรอด ไม่เพียงแต่ได้เรียนรู้แต่ได้ซึมซับเข้ามาในชีวิตผมด้วย ดังนั้นชีวิตด้านการประกาศจึงอยู่ในช่วงแรกของชีวิตคริสเตียนในโบสถ์เดิมของผม

อ.สมานได้เล่าให้ผมฟังเรื่องการประกาศในประเทศไทยว่า พระเจ้าใช้ท่านสำหรับการประกาศรักษาโรค ใช้อีกท่านหนึ่งสำหรับการพยากรณ์ และท่านก็ไปตามที่ต่างๆตามที่พระเจ้าบอกให้ไป ครั้งหนึ่งพระเจ้าให้ผู้พยากรณ์(ผู้เผยฯ)บอกว่าให้ไปประกาศทางภาคเหนือที่เชียงใหม่ แต่การเดินทางในสมัยนั้นไม่ชำนาญ ทำให้หลงทางไปประกาศที่เชียงรายแทน นี่เองจึงเป็นเหตุให้มีคริสตจักรมากมายอยู่ที่จังหวัดเชียงราย

การประกาศในสมัยนั้นยากลำบาก แต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ไปประกาศที่หมู่บ้านหนึ่ง มีคนง่อยเดินไม่ได้มารออยู่ที่ข้างทาง และท่านก็เขม้นสังเกตุดูคนที่มีความเชื่อ และวางมือรักษาเขา เขาก็ลุกขึ้นมาเดินได้ พอคนหนึ่งเดินได้ ท่านก็บอกคนอื่นๆว่า อยากเดินได้แบบเขาบ้างไหม จงมีความเชื่อ ท่านบอกว่า วันนั้นคนง่อยที่เดี๋ยวนี้พระเจ้ารักษาพวกเขาแล้ว ได้วิ่งแข่งกันใหญ่

อีกครั้งหนึ่ง มีคนมาหาท่านและบอกให้ท่านช่วยไปวางมือบนคนป่วยหน่อย แต่เมื่อท่านไปถึง คนนั้นตายไปแล้ว ท่านบอกว่า ท่านวางมือบนคนตายนั้นด้วยความเชื่อ และเรียกเขาให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย อธิษฐานพร้อมกระทืบเท้าบนพื้นดังปัง เท่านั้นแหละคนตายแล้วฟื้นขึ้นมา

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและท่านเล่าให้ผมฟัง แต่มีสิ่งที่เกิดขึ้้นในปัจจุบัน ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ คือว่ามีคนหนึ่งเชื่ออยู่ที่ตาคลีและได้มาปรึกษาอ.สมานว่าอยากนำสามีให้มาเชื่อพระเจ้า อ.สมานก็บอกว่า เอาอย่างนี้ ไปเชิญคนเจ็บคนป่วยมาที่บ้าน แล้วท่านจะไปเทศน์เพื่อสามีจะได้เห็นและจะได้เชื่อ สำหรับผมเมื่อรู้ว่าจะมีการประกาศที่นั่น ก็เริ่มต้นอธิษฐานเผื่อการประกาศนี้ทุกวันจนกระทั่งมีวันหนึ่งมีสันติสุขเกิดขึ้นในใจ ก็รู้แน่ว่าพระเจ้าตอบแล้ว คือว่าได้อธิษฐานเผื่อการประกาศด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์ที่นั่น อธิษฐานจนเห็นภาพคนต่างๆหายโรค

แล้วพวกเราจากเชียงใหม่ก็ลงไปกันที่ตาคลี ในวันแรกที่พวกเราไปถึง เขาก็พาเราไปเยี่ยมคนง่อยนอนบนเตียงมาได้หลายปีแล้ว สำหรับผมรู้สึกเหนื่อยอยากพักผ่อน แต่เมื่อเขามาเชิญให้ไป ก็ไปกัน เมื่อไปถึงก็เห็นคนป่วยเป็นคนจีนสูงอายุนอนอยู่ที่เตียง อ.สมานก็ชวนคุยและหนุนใจเขาให้มีความเชื่อ สักพักอ.สมานก็หันมาบอกผมว่าพระเจ้ารักษาอาแปะคนนี้แล้ว แต่เขาไม่รู้ อ.สมานบอกให้อาแปะลุกขึ้น แกบอกว่าลุกไม่ได้นอนมาหลายปีแล้ว อ.สมานบอกว่าพระเจ้าบอกอ.สมานว่าพระเจ้ารักษาอาแปะแล้ว และบอกให้ลุกขึ้นนั่ง เท่านั้นแหละครับ อาแปะลุกขึ้นมานั่ง คนที่ยืนอยู่ที่ประตูซึ่งเป็นคนแถวนั้นพอเห็นก็ตาโต บอกว่าพระเจ้าอาแปะอัศจรรย์ ทำไมไม่ขอพระเจ้าให้อาแปะลุกขึ้นได้ล่ะ เท่านั้นครับอาแปะก็ลุกขึ้นมายืน คนที่ประตูก็บอกอีกว่าพระเจ้าอาแปะอัศจรรย์จริงๆ ทำไมไม่ขอพระเจ้าให้เดินได้ล่ะ ว่าแล้วอาแปะก็เดินไปเดินมา เท่านั้นแหละครับ ผมหายเหนื่อยเลยที่เห็นการอัศจรรย์เช่นนี้ ยังไม่ได้อธิษฐานเผื่อเลย พระเจ้ารักษาอาแปะให้เดินไปเดินมาได้ คืนนั้นในงานประกาศที่บ้านคน อาแปะก็นั่งรถสามล้อมางานประกาศด้วย คนที่ตาคลีก็งงกันใหญ่ ทำไมอาแปะถึงนั่งรถได้

คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ประกาศมีคนใบ้พระเจ้ารักษาให้พูดได้ 3 คน และก็มีคนหายโรคมากมาย ผมทำหน้าที่นำเพลงก่อนการเทศนา ผมนำเพลงง่ายๆวันนี้เป็นวัน วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าตั้งไว้ และก็เพลงเพื่อการประกาศอื่นๆ เมื่อนำเพลงจบก็มีคนออกมาด้านหน้าบอกว่าโรคที่คอหายแล้ว ผมนี้ตะลึงเลย เพียงแค่นำร้องเพลงสั้น หายโรคกันแล้วหรือนี่ คืนประกาศคืนแรกก็จบลงด้วยดี กำลังปิดการประชุม ก็มีคนวิ่งมาจากข้างนอกจับมือพวกเรากระโดดขึ้นกระโดดลงใหญ่บอกว่า หายแล้ว หายแล้ว เราก็ถามว่าอะไรหาย แล้วเขาก็พาเราไปที่บ้านถัดไปสัก 2 ห้อง เป็นตึกแถวติดกัน ที่นั่นมีคนป่วยนอนอยู่ในห้องกระจก มีสายอากาศช่วยการหายใจ และเห็นคนที่นอนบนเตียงน้ำตากำลังไหล สอบถามได้ความว่า เขานอนฟังอาจารย์เทศน์ผ่านไมค์ลอย เขาเลยรับคลื่นฟังเทศน์ได้ เมื่อเขาฟังเทศน์ ก็เกิดการผ่อนคลาย สัมผัสพระเจ้า น้ำตาไหล อย่างที่เห็น

คืนที่สอง คราวนี้อาแปะไม่นั่งรถสองแถวมาล่ะครับ เดินมาเองเลย คนในตาคลีก็ยิ่งตะลึงกันใหญ่ ก็พวกเขารู้ว่าอาแปะคนนี้เป็นอัมพาตนอนป่วยอยู่ที่บ้าน แล้วทำไมมาเดินอยู่ที่ถนน อาแปะบอกว่าพระเยซูรักษาโรคอยู่ที่บ้านหลังโน้น คืนนี้คนมากันจนล้นออกไปนอกถนน ผมเห็นภาพเหมือนเรื่องคนง่อยถูกหามสี่คนเลย แน่นจนไม่สามารถจะเข้าไปได้ เช่นเคยครับคืนนี้พระเยซูทำการอัศจรรย์มากมาย

คืนที่สามคืนสุดท้าย คืนนี้ผมไม่ได้อยู่กลับไปก่อน แต่ได้ยินว่า คนปากเบี้ยว นั่งคุยกัน พระเจ้ารักษาเขาให้หน้าคืนรูปหายเบี้ยว หายโรคโดยยังไม่ได้อธิษฐานเผื่อเลย แค่ฟังเท่านั้น สรุปว่ามีการอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายที่ตาคลีเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว คนสมัยนั้นจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่อำเภอของเขาได้ นี่คือเรื่องของของประทานที่เป็นผู้ประกาศที่ได้มาเล่าสู่กันฟังครับ ยังมีเรื่องอีกมากมายครับ ที่ไม่สามารถเล่าได้หมด

เมื่อผมคลุกคลีอยู่กับอ.สมานซึ่งเป็นผู้ประกาศ วิญญาณผู้ประกาศก็ถ่ายทอดเข้ามาในชีวิตผม ผมได้สร้างคนให้มีวิญญาณเป็นผู้ประกาศ ผมได้ไปประกาศตามที่ต่างๆทั้งไปเอง และไปกับทีมประกาศนี้ ได้ขับผี ได้ใช้หมายสำคัญการอัศจรรย์ ได้วางมือคนเจ็บป่วยในพระนามพระเยซูคริสต์เพื่อเขาจะหายโรคได้ ได้ประกาศนำคนรับเชื่อเป็นประกาศกลางแจ้ง ฯลฯ อีกมากมาย นั้นก็เป็นสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ใช่เพราะเราดี เราเก่ง แต่เป็นเพราะพระเยซูที่ดีเลิศ พระเยซูที่ทรงรักคนไทย พระเยซูที่มาตายเพื่อคนไทยทั้งหลายจะได้รับชีวิตนิรันดร์ นั้นจึงเป็นเหตุที่ทำไมผมถึงปรารถนาจะประกาศให้คนเป็นแสนๆคนได้ฟังข่าวประเสริฐของพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงพระกรุณา

ครั้งต่อไปจะแบ่งปันเรื่องศิษยาภิบาลบ้าง ขอพระเจ้าได้รับพระเกียรติทั้งสิ้นครับ

1 ความคิดเห็น: