วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เล่าเก็บตกรายละเอียด : เรื่องที่เขียนในบล็อก

    เขียนไปเขียนมาแล้วย้อนกลับไปดูเรื่องที่เคยเขียนไว้ ก็คิดว่ามาเล่าเพิ่มเพื่อเก็บตกรายละเอียดดีกว่าครับ

เรื่องที่หนึ่ง  เรื่องที่ผมเล่าไปแล้วตอนไปเทศน์ที่โบสถ์มหาชล ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้เล่า ที่สร้างความแปลกประหลาดใจและความยำเกรงพระเจ้าให้กับผมอย่างมากครับ คือเรื่องที่พระเจ้าได้เอารูปต่างๆในอดีตของสมาชิกมหาชล รวมทั้งรูปอื่นๆต่างๆที่พระเจ้าเอามาใส่ไว้ด้วยในมือถือของเขาที่มีกล้องด้วยนั้น ภรรยาผมก็บอกว่า พระเจ้าต้องการให้อธิษฐานเผื่อ  รูปภาพชีวิตเขาในอดีตหนหลังก็เป็นเครื่องเตือนใจในสิ่งต่างๆในสมัยที่ยังไม่ได้เชื่อพระเจ้าที่ได้ทำไป  ภาพที่พระเจ้านำมาใส่ไว้ในมือถือของเขานั้นก็มีมากมายเลยครับ มีรูปพระเยซูแบบที่เราเห็นในหนังสือต่างๆคุกเข่าอธิษฐานด้วย และฉากหลังมีแผนที่ประเืทศไทย แสดงให้เห็นว่าพระองค์อธิษฐานเผื่อประเทศไทยอยู่ด้วย ขอบคุณพระเจ้า

    ส่วนผมก็สงสัยอย่างมากว่ารูปภาพพวกนี้เป็นไฟล์อะไร ได้ดูแล้วก็เห็นว่าเป็นไฟล์jpg ว๊าว.. สรรเสริญพระเจ้า  พระเจ้าแห่งเทคโนโลยี  นำเอาภาพในอดีตตั้งแต่ยังไม่มีเทคโนโลยีถ่ายภาพแบบนี้เมื่อ 30-40 ปีก่อน มาใส่ไว้ในกล้องมือถือ  พระเจ้าทำได้ทุกสิ่งจริงๆครับ ดังนั้นเปิดใจให้กว้าง  และตรวจสอบด้วยพระวจนะ  สำหรับเรื่องนี้ก็นึกถึง ลูกา 12:2-3 ครับ
   1 ในระหว่างนั้นคนเป็นอันมากนับไม่ถ้วนชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระองค์ทรงตั้งต้นตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ก่อนว่า "ท่านทั้งหลายจงระวังเชื้อของพวกฟาริสี ซึ่งเป็นความหน้าซื่อใจคด 2 เพราะว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ที่จะไม่ต้องเปิดเผย หรือการลับที่จะไม่เผยให้ประจักษ์ 3 เหตุฉะนั้น สิ่งสารพัดซึ่งพวกท่านได้กล่าวในที่มืดจะได้ยินในที่สว่าง และซึ่งได้กระซิบในหูที่ห้องส่วนตัวจะต้องประกาศบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน


เรื่องที่สอง  เรื่องจากเรื่องคุณอุ๋ย ด้วยความที่ผมกระหายจะนำเรื่องนี้มาเล่าแ่บ่งปันให้สมาชิกฟัง จึงไปเยี่ยมคุณอุ๋ยที่โรงพยาบาลในห้องพักรวมพร้อมกับนำวีดีโอไปบันทึกสิ่งที่คุณอุ๋ยเล่าให้ฟังด้วย สัมภาษณ์ไปพร้อมกับถ่ายบันทึกภาพไปด้วย  สักพักก็มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาเตือนบอกว่าห้ามบันทึก และให้ลบสิ่งบันทึกไปแล้วออกด้วย  ฝ่ายภรรยาคุณอุ๋ยก็บอกว่าให้รีบๆออกไปจากห้อง ด้วยเกรงว่าเขาจะมายึดเอากล้องไป  ในตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรครับ  ได้เอากล้องไปถ่ายที่อื่นต่อ  แต่ปรากฏว่ากล้องผมหายในคืนนั้นเอง  ผมอธิษฐานขอกล้องคืน ฯลฯ เงียบ พระเจ้าไม่ได้ตอบอะไร  บางทีพระเจ้าอาจจะตอบแล้วก็ได้แต่ผมไม่รู้ จนกระทั่งวันที่ผมเทศนาที่คริสตจักร และผมยกพระคัมภีร์จาก โรม 13:1  1 ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจ เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่มิได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ทรงอำนาจนั้นพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น 


นี่เอง ทำให้ผมเกิดความเข้าใจ พระเจ้าสอนผมจากเรื่องนี้ พระองค์ไม่ปรารถนาให้ผมทำผิดด้วยสิ่งใด  เมื่อตอนผมนำกล้องไปถ่ายวีดีโอ ก็คงถ่ายไปโดนคนอื่นๆในห้องนั้นไปด้วย และเจ้าหน้าที่ได้มาห้ามแล้ว  แต่ผมไม่ได้ฟังให้ดี พระเจ้าจึงอนุญาตให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เอากล้องผมไป เพื่อผมจะไม่ทำผิดต่อคนอื่นๆ  เพราะพระคัมภีร์ข้อนี้บอกให้ยอมอยู่ใต้บังคับของผู้มีอำนาจ เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า  เมื่อเขาเตือนผมให้หยุดและลบสิ่งที่บันทึกไว้นั้น ที่ถูกผมควรจะหยุดบันทึกและลบสิ่งที่ผมบันทึกไปแล้ว  นั่นแสดงว่า ผมเชื่อฟังผู้ที่มีอำนาจ  แต่ผมไม่ได้ทำ   นี่จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้าสอนผมในเรื่องนี้ครับ   ก็นำมาแบ่งปันให้ท่านทั้งหลายได้ฟัง ว่าอย่าได้ละเลยคำตักเตือนของผู้ที่มีอำนาจ(หรือสิทธิอำนาจ : คำเดียวกัน) ในสายการปกครองต่างๆ เพราะถ้าเราละเลยคำตักเตือนในสิ่งที่ถูกต้องนั้น ก็เท่ากับเราละเลยการตักเตือนจากพระเยซูคริสต์จริงๆ

1 ความคิดเห็น:

  1. บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ อ่านบทความตอนนี้จบ

    ได้คำนี้ขึ้นมาเลยค่ะ(นึกไปถึงชื่อค่ายเจ้าสาวของพระคริสต์ด้วยเลย)

    ขอบคุณที่สำหรับการแบ่งปันของ อ. ค่ะ

    ตอบลบ